Main Menu

Recent posts

#11
อย่างเอา  8)
#12

Kawasaki W250 นั้นเป็นรถอีกหนึ่งรุ่นในตระกูล "W" ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์สไตล์เรโทรแท้ๆ ที่ได้รับการดีไซน์เเละผลิตออกมาเพื่อจำหน่ายในตลาดเอเซีย โดยรูปลักษณ์ที่มีความคลาสสิคลงตัวกับสมรรถนะที่ร้อนเเรง ทำให้กลายเป็นอีกรุ่นที่มีเสน่ห์เหมาะกับการขับขี่

มิติตัวรถของ Kawasaki W250 นั้นน่าสนใจไม่น้อย เมื่อมาพร้อมกับความกว้างอยู่ที่ 755 มิลลิเมตร ทางด้านความยาวอยู่ที่ 2,075 มิลลิเมตร เเละมีความสูงที่ 1,055 มิลลิเมตร โดยมีระยะห่างช่วงล้ออยู่ที่ 1,410 มิลลิเมตร ส่วนความสูงใต้ท้องรถอยู่ที่ 170 มิลลิเมตร เเละมีความสูงของเบาะนั่งที่ 735 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 13 ลิตร ทำให้มีน้ำหนักรวมสุทธิอยู่ที่ 162 กิโลกรัม

Kawasaki W250 มาพร้อมกับสมรรถนะเครื่องยนต์เเบบเครื่องยนต์สูบคู่แนวดิ่งระบายความร้อนด้วยอากาศ โดยมีขุมกำลังขนาด 250 ซีซี  เเบบ Air-cooled, 4-stroke Single มีระบบวาล์วเเบบ SOHC, 2 valves ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก อยู่ที่ 66.0 x 73.0 มิลลิเมตร  อัตราส่วนแรงอัดอยู่ที่ 9.0 : 1 ส่วนระบบคลัทช์เป็นคลัทช์เปียกหลายแผ่นแบบธรรมดา โดยมีระบบเกียร์เป็นเเบบ 5 สปีด, ย้อนกลับ โดยมีระบบจุดระเบิดเป็นเเบบ ดิจิตอล ส่วนระบบจ่ายเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Fuel injection (φ32 x 1) โดยที่มีระบบสตาร์ทเป็นเเบบไฟฟ้า

Kawasaki W250 มาพร้อมกับเฟรมเเบบท่อคู่ DOUBLE-CRADLE FRAME ส่วนทางด้านระบบกันสะเทือนหน้าเป็น φ39 mm telescopic fork ในขณะที่ระบบกันสะเทือนหลังเป็นเเบบ Swingarm, dual shock absorbers with spring preload adjustability ระบบเบรคด้านหน้าจะเป็นเเบบ Single φ300 mm disc. Caliper 2-piston ระบบเบรคด้านหลังจะเป็นเเบบ Drum, φ160 mm โดยที่ยางหน้ามีขนาด 90/90-18M/C 51P ส่วนยางหลังมีขนาด 110/90-17M/C 60P หน้าจอเเสดงผลการขับขี่เป็นลักษณะของแผงมาตรวัดแบบดั้งเดิมมาพร้อมมาตรวัดความเร็ว และมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ แบบแยกอิสระต่อกันตามสไตล์คลาสสิค นอกจากนี้ยังมีหน้าจอ LCD แบบมัลติฟังก์ชั่น ที่แสดงผลทั้งมาตรบันทึกระยะทาง มาตรวัดระยะทาง และนาฬิกา ส่วนเบาะนั่งรูปทรงยาวหนานุ่มพร้อมลวดลายตัดขวางมีพื้นที่มากพอสำหรับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร วัสดุยูรีเทนที่ด้านหน้าเบาะนั่งได้รับการออกแบบให้มีรูปทรงรองรับผู้ขับขี่เพื่อให้สามารถนำเท้าแตะพื้นได้ง่าย โคมไฟหน้าชุบโครเมี่ยมคุณภาพสูงพร้อมตัวเรือนที่มาในสีเดียวกับถังน้ำมันเชื้อเพลิงและฝาครอบข้าง ส่วนทางด้านของตัวบอดี้นั้นมี 3 สีด้วยกันทั้งสี METALLIC SPARK BLACK/BROWN (SE) (2019), สี PEARL CRYSTAL WHITE (2019) เเละสี METALLIC SPARK BLACK (2018)

ราคาขายของ Kawasaki W250 นั้นเคาะราคาออกมาที่ 230,000 บาท สำหรับรุ่นที่มีตัวถังสี METALLIC SPARK BLACK/BROWN (SE) (2019) เเละสำหรับตัวถังที่มีสี PEARL CRYSTAL WHITE (2019) เเละสี METALLIC SPARK BLACK (2018) มีราคาขายที่  220,000 บาท
#13

Kawasaki Ninja 1000 เป็นบิ๊กไบค์ขนาดใหญ่อีกรุ่นของคาวาซากิ ที่ตัวรถตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ได้อย่างรวดเร็วในขณะที่ตัวรถสามารถขับขี่ได้ทุกสภาพถนน ด้วยสมรรถนะการขับเคลื่อนทั้งทางตรงและในโค้งที่มั่นคง ผู้ขับขี่จึงเพลิดเพลินและสนุกไปกับการขับขี่ได้มากขึ้นและนานขึ้น

ทางด้านมิติตัวรถของ Kawasaki Ninja 1000 นั้นนับว่ามีขนาดใหญ่ไม่เบา โดยมันมาพร้อมกับ ความกว้างอยู่ที่ 790 มิลลิเมตร ทางด้านความยาวอยู่ที่ 2,100 มิลลิเมตร เเละมีความสูงที่ 1,185 มิลลิเมตร โดยมีระยะห่างช่วงล้ออยู่ที่ 1,440 มิลลิเมตร ส่วนระยะห่างจากพื้นอยู่ที่ 130 มิลลิเมตร เเละมีความสูงของเบาะ 815 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 19 ลิตร ทำให้มีน้ำหนักรวมสุทธิอยู่ที่ 235 กิโลกรัม ถือว่าเป็นมิติตัวรถที่มีขนาดใหญ่อยู่ไม่น้อย

Kawasaki Ninja 1000 มีสมรรถนะเครื่องยนต์ขนาดใหญ่เลยทีเดียว โดยมันพกพาขุมกำลังเครื่องยนต์ขนาด 1,043 ซีซี โดยเป็นเครื่องยนต์เเบบ Liquid-cooled, 4-stroke In-Line Four มีระบบวาล์วเเบบ DOHC, 16 valves ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก อยู่ที่ 77.0 x 56.0 มิลลิเมตร  อัตราส่วนแรงอัดอยู่ที่ 11.8 : 1 ส่วนระบบคลัทช์เป็นเเบบ  Wet multi-disc, manual โดยมีระบบส่งกำลัง 6-speed, return shift โดยมีระบบจุดระเบิดเป็นเเบบ Digital ส่วนระบบเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Fuel injection: ø38 mm x 4 with oval sub-throttles โดยมีระบบสตาร์ทเป็นเเบบ Electric เป็นรถอีกรุ่นที่มีสมรรภนะสูงน่าสนใจ

โดยที่ Kawasaki Ninja 1000 มาพร้อมกับเฟรมเเบบอลูมิเนียม TWIN-SPAR / สวิงอาร์มอลูมิเนียม โดยเชื่อมต่อเป็นแนวตรงจากคอไปจนถึงแกนสวิงอาร์ม ทำให้จุดศูนย์ถ่วงรถมีความสมดุล มั่นใจในการเข้าโค้งแคบๆ และควบคุมได้โดยไม่เสียอาการ ทางด้านระบบกันสะเทือนหน้านั้นเป็นเเบบ ø41 mm inverted fork with compression and rebounddamping and spring preload adjustability ส่วนระบบกันสะเทือนหลังนั้นจะเป็นเเบบ orizontal Back-link, gas-charged rear shock with rebound damping and spring preload adjustability โดยระบบห้ามล้อหน้ามาพร้อมระบบ Dual semi-floating ø300 mm petal discs  ส่วนระบบห้ามล้อหลังนั้นจะเป็นเเบบ Dual radial-mount, monobloc, opposed 4-piston  โดยมีขนาดยางหน้า 120/70ZR17M/C (58W) ส่วนขนาดยางหลัง 190/50ZR17M/C (73W) หน้าจอเเสดงผลเป็นรูปเเบบใหม่ที่ขนาด 4.3 นิ้ว เเบบ all-digital TFT colour บรรจุระบบ KAWASAKI TRACTION CONTROL ทำงานได้ถึง 3 โหมด โคมไฟหน้ามีความสปอร์ตและโฉบเฉี่ยวสวยงาม รวมไปถึงไฟเลี้ยวทั้งสองข้างและไฟท้าย โดยทำงานด้วยระบบ LED ตัวรถได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ด้านหน้ารถปราดเปรียวชวนให้นึกถึงซูเปอร์สปอร์ต Ninja ตัวบอดี้มี 3 สีให้เลือกกันทั้งสี EMERALD BLAZED GREEN / METALLIC MATTE GRAPHITE GRAY (2019) หรือจะเป็นสี CANDY LIME GREEN/METALLIC CARBON GRAY (2017) รวมไปถึงสี METALLIC SPARK BLACK / METALLIC GRAPHITE GRAY (2018)

ส่วนราคาของ Kawasaki Ninja 1000 นั้นเคาะราคาขายออกมาที่ 664,000 บาท นับว่าเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจไม่น้อยเมื่อเทียบกับสเปกของตัวรถเเล้ว ก็ถือว่าคุ้มค่าเลยทีเดียว
#14

Ducati XDiavel S นับว่าเป็นอีกหนึ่งในรุ่นที่ร้อนเเรงที่สุดของดูคาติเลยก็ว่าได้ เพราะสมรรถนะที่ทรงพลังเเละรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว เร้าใจในทุกสัมผัสกับการขับขี่

มิติตัวรถของ Ducati XDiavel S มีความลงตัวเป็นอย่างยิ่งด้วยน้ำหนักรถเปล่าที่ 221 กิโลกรัม ส่วนน้ำหนักรถพร้อมวิ่งจะอยู่ที่ 247 กิโลกรัม ส่วนความสูงของเบาะนั่งอยู่ที่ 755 มิลลิเมตร ความยาวของฐานล้ออยู่ที่ 1,615 มิลลิเมตร มุม Rake อยู่ที่ 30 องศา ส่วนระยะเทรลอยู่ที่ 130 มิลลิเมตร ถังบรรจุเชื้อเพลิงมีขนาดความจุ 18 ลิตร สามารถโดยสารได้ 2 คน

ในส่วนของสมรรถนะเครื่องยนต์ของ Ducati XDiavel S ก็ดุดันร้อนเเรงด้วยเครื่องยนต์รุ่น Testastretta DVT 1262, V2 - 90°, 4 valves per cylinder, Desmodromic Variable Timing, Dual Spark, liquid cooled ที่มีขุมกำลังขนาด 1,262 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก อยู่ที่ 106 x 71.5 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่  13.0 : 1 เครื่องยนต์สามารถให้กำลัง 160 เเรงม้าที่ 9,500 รอบต่อนาที ส่วนเเรงบิดอยู่ที่ 127 นิวตันเมตรที่ 5,000 รอบต่อนาที ส่วนระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Electronic fuel injection system, Øeq 56 mm elliptical throttle bodies with Ride-by-Wire system ส่วนระบบไอเสียจะเป็นเเบบ Stainless steel muffler, catalytic converter and 2 lambda probes มีระบบเกียร์เป็นเเบบ 6 speed ในขณะที่ Primary Drive เป็นเเบบ Straight cut gears, Ratio 1.84:1 มีอัตราที่ 1=37/15, 2=30/17, 3=27/20, 4=24/22, 5=23/24, 6=22/25 ส่วน Final Drive นั้นเป็นเเบบ Belt, front sprocket z28, rear sprocket z80 ทำงานร่วมกับระบบคลัทช์เเบบ Slipper and self-servo wet multiplate clutch with hydraulic control ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่สมรรถนะสูง

เฟรมของ Ducati XDiavel S จะเป็นเเบบ Tubular steel trellis frame ซึ่งในส่วนของระบบกันสะเทือนที่ทำงานร่วมกันจะมีระบบกันสะเทือนด้านหน้าเเบบ Adjustable Ø 50 mm usd fork with DLC treatment ส่วนระบบกันสะเทือนด้านหลังจะเป็นเเบบ Preload and rebound adjustable monoshock, remote reservoir, single-sided cast/trellis frame swingarm มาที่ระบบเบรก ด้านหน้าจะเป็นเเบบ 2 x Ø 320 mm semifloating discs, radial mounted Brembo monobloc 4-piston M50 callipers, PR16/19 radial master cylinder, Cornering ABS ส่วนด้านหลังเป็นเเบบ Ø 265 mm disc, Brembo 2-piston floating calliper, Cornering ABS ทางด้านของล้อนั้น ล้อหน้าจะเป็นเเบบ Light alloy, forged and machined, 3.5"x17" ในขณะที่ล้อหลังเป็นเเบบ Light alloy, forged and machined, 8.0" x 17" ส่วนยางนั้น ยางหน้าเป็นเเบบ Pirelli Diablo Rosso III 120/70 ZR17 ยางหลังจะเป็นเเบบ Pirelli Diablo Rosso III 240/45 ZR17หน้าจอเเสดงผลการขับขี่มีขนาด 3.5 นิ้วเเบบ TFT colour display and dedicated warning light display ระบบไฟทั้งโคมไฟหน้า-ท้าย เเละไฟเลี้ยวเป็นเเบบ Full LED lights ทั้งหมด เบาะหนังตัวบอดี้มีสีมาให้เพียงสีเดียวคือสีดำ Thrilling Black ที่ดุดันเป็นอย่างยิ่ง

สนราคาของ Ducati XDiavel S นั้นเคาะออกมาที่ 929,000 ถึง 1,099,000 บาท
#15

Ducati Monster 821 เป็นสปอร์ตไบค์ที่ดุดันน่าขับขี่อีกรุ่นของดูคาติ โดยมีความสวยงามดุดันตามสไตล์รถในตระกูลมอนสเตอร์ โดยพกพาสมรรถนะที่เเรงเเละเต็มเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ได้มาขับขี่

Ducati Monster 821 มีมิติตัวรถที่ถือว่าน่าสนใจอีกรุ่น ด้วยขนาดน้ำหนักรถเปล่าอยู่ที่ 166 กิโลกรัม ส่วนน้ำหนักรถพร้อมวิ่งจะอยู่ที่ 188 กิโลกรัม ส่วนความสูงของเบาะนั่งอยู่ที่ 820 มิลลิเมตร ความยาวของฐานล้ออยู่ที่ 1,474มิลลิเมตร มุม Rake อยู่ที่ 24 องศา ส่วนระยะเทรลอยู่ที่ 93 มิลลิเมตร ถังบรรจุเชื้อเพลิงมีขนาดความจุ 14 ลิตร สามารถโดยสารได้ 2 คน

Ducati Monster 821 มาพร้อมกับสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ร้อนเเรงไม่ใช่เล่นด้วย เครื่องยนต์เเบบ Testatretta 11°, V2 - 90°, 4 valves per cylinder, desmodromic valvetrain, liquid cooled ที่มีขุมพลังขนาด 937 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก อยู่ที่ 94 x 67.5 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 13.3 : 1 เครื่องยนต์สามารถให้กำลัง 111 เเรงม้าที่ 9,250 รอบต่อนาที ส่วนเเรงบิดอยู่ที่ 93 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบต่อนาที ส่วนระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Electronic fuel injection system, Ø 53 mm throttle bodies with Ride-by-Wire system ส่วนระบบไอเสียจะเป็นเเบบ Pre-muffler and twin muffler, catalytic converter and 2 lambda probe มีระบบเกียร์เป็นเเบบ 6 speed ในขณะที่ Primary Drive เป็นเเบบ Straight cut gears, Ratio 1.85:1 มีอัตราที่ 1=37/15, 2=30/17, 3=28/20, 4=26/22, 5=24/23, 6=23/24 ส่วน Final Drive นั้นเป็นเเบบ Chain, front sprocket z15, rear sprocket z43 ทำงานร่วมกับระบบคลัทช์เเบบ Slipper and self-servo multiplate wet clutch with hydraulic control เรียกว่าเป็นรถอีกรุ่นที่มีสมรรถนะเเรงไม่ใช่เล่น

เฟรมของ Ducati Monster 821 ได้รับการออกเเบบมาเป็นอย่างดีในเเบบ Aluminum alloy Front Frame  ส่วนระบบกันสะเทือนหน้าจะเป็น Ø 43 mm usd fork ส่วนระบบกันสะเทือนหลังจะเป็นเเบบ Progressive linkage, preload adjustable monoshock, aluminium double-sided swingarm ในส่วนของระบบเบรกจะมีระบบเบรกหน้าเเบบ 2 x Ø 320 mm semi-floating discs, radially mounted Brembo M4.32 monobloc 4-piston callipers, radial master cylinder, Cornering ABS ส่วนเบรกหลังจะเป็นเเบบ Ø 245 mm disc, Brembo 2-piston floating calliper, Cornering ABS ส่วนล้อหน้าจะเป็น Light alloy cast, 3.5" x 17" ในขณะที่ล้อหลังเป็นเเบบ Light alloy cast, 5.5" x 17" โดยยางหน้าจะเป็นเเบบ Pirelli Diablo Rosso III 120/70 ZR17 ส่วนยางหลังเป็นเเบบ Pirelli Diablo Rosso III 180/55 ZR17 โคมไฟหน้าได้รับการออกเเบบใหม่เเละเป็นเเบบ full-LED headlight พร้อมกับมี LED Daytime ไฟเลี้ยวเป็นเเบบ Full LED lights ทั้งหมด ท่อไอเสียคู่ดูดุดันอย่างมาก หน้าจอเเสดงผลการขับขี่มีขนาด 4.3 นิ้ว เเบบ TFT colour พร้อมเชื่อมต่อระบบอื่นๆ อีกหลายระบบ ตัวบอดี้มีมาให้เลือก 3 เฉดสีด้วยกัน ทั้งสีเเดง Ducati Red, สีเทา Aviator Grey และสีดำ Dark Stealth

สนราคาขายของ Ducati Monster 821 นั้นเคาะราคาขายออกมาที่ 424,000 บาท นับว่าเป็นรถเเรงๆ ที่มีราคาน่าคบหาอย่างยิ่ง
#16

Triumph Street Twin เริ่มจากการเป็นรถที่ขี่ง่ายสบายๆ ของ Street Twin รวมทั้งคุณลักษณะแบบสายพันธุ์แท้ และสไตล์วิถีชีวิตในเมือง รถรุ่นนี้จึงได้รับความนิยมอย่างมาก และในปัจจุบัน รถโมเดิร์นคลาสสิกรุ่นนี้ก็เป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของไทรอัมพ์

Triumph Street Twin มีโครงสร้างตัวรถที่ลงตัวอีกรุ่น โดยมีความกว้างของแฮนด์รถอยู่ที่ 785 มิลลิเมตร ความสูงไม่รวมกระจกอยู่ที่ 1,114 มิลลิเมตร ความสูงที่นั่ง 706 มิลลิเมตร ระยะระหว่างล้อหน้ากับล้อหลังอยู่ที่ 1,415 มิลลิเมตร เรคอยู่ที่ 25.1 องศา ส่วนเทรลอยู่ที่ 102.4 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงมีขนาดความจุ 12 ลิตร เเละมีน้ำหนักรวมสุทธิที่ 198 กิโลกรัม อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 3.9 ลิตร/100 กิโลเมตร

ทางด้านสมรรถนะเครื่องยนต์ของ Triumph Street Twin ก็น่าสนใจเมื่อมันมาพร้อมกับเครื่องยนต์ยนต์เเบบสูบคู่ขนานแบบ SOHC 8 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยของเหลว องศาจุดระเบิดเยื้องกัน 270 องศา มีขุมพลังขนาดใหญ่ถึง 900 ซีซี กระบอกสูบขนาด 84.6 มิลลิเมตร ส่วนระยะชักอยู่ที่ 80 มิลลิเมตร ส่วนอัตราส่วนการบีบอัดอยู่ที่ 11.0:1 สามารถให้กำลังที่ 65 เเรงม้าที่ 7,500 รอบต่อนาที โดยมีเเรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 80 นิวตันเมตรที่ 3,800 รอบต่อนาที โดยมีระบบฉีดเชื้อเพลิงอิเล็กทรอนิกส์หลายจุดตามลำดับ ส่วนระบบท่อไอเสียสองชั้นสเตนเลสสตีลขัดเงาแบบ 2 ออก 2 พร้อมท่อเก็บเสียงสแตนเลสปัดเงา ไฟนอลไดรฟ์ จะเป็นเเบบโซ่โอริง  โดยมันทำงานร่วมกับระบบคลัตช์แบบเปียกแบบหลายแผ่น พร้อมระบบช่วยผ่อนแรง ส่วนระบบเกียร์จะเป็นเเบบ 5 สปีด

Triumph Street Twin มีเฟรมเป็นเเบบโครงเหล็ก ส่วนสวิงอาร์มเป็นเเบบโครงเหล็กแขนคู่ ล้อหน้าจะเป็นเเบบล้ออะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูปขนาด 18x2.75 นิ้ว ส่วนล้อหลังจะเป็นเเบบ ล้ออะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูปขนาด 17x4.25 นิ้ว โดยยางหน้ามีขนาด 100/90-18 ยางหลังมีขนาด 150/70 R17 โดยที่มีระบบกันสะเทือนหน้าเป็นเเบบ โช้คอัพขนาด 41 มิลลิเมตร พร้อม Damping cartridge ระยะยุบตัว 120 มิลลิเมตร โดยที่ส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นเเบบ โช้คอัพคู่ สามารถปรับพรีโหลดได้ ระยะยุบตัวล้อหลัง 120 มิลลิเมตร ส่วนเบรกหน้าจะเป็นเเบบคาลิปเปอร์เบรกหน้า Brembo แบบ 4 ลูกสูบพร้อมดิสก์เบรกเดี่ยวแบบลอยตัวขนาด 310 มิลลิเมตร และระบบ ABS ในขณะที่เบรกหลังเป็นจานเบรกเดี่ยวขนาด 220 มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์แบบสองลูกสูบจาก Nissinและระบบ ABS โดยที่แผงหน้าปัดมัลติฟังก์ชั่น LCD พร้อมมาตรวัดความเร็วแบบ Analog แสดงความเร็วรอบ มาตรวัดระยะทาง บ่งบอกตำแหน่งเกียร์ เกจน้ำมันเชื้อเพลิง ระบุระยะที่เดินทางได้ก่อนน้ำมันหมด บ่งชี้เวลาเข้ารับบริการ นาฬิกา บันทึกทริป 2 ค่า อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยและค่าปัจจุบัน แสดงสถานะระบบควบคุมการยึดเกาะถนน พร้อมรองรับปลอกมืออุ่นไฟฟ้า - ควบคุมโดยปุ่มเลื่อนบนแฮนด์บังคับเลี้ยว โคมไฟหน้าขนาดใหญ่ทรงกลม 1 ดวง เบาะนั่งเดี่ยวยาวจำนวน 2 ที่นั่ง ส่วนตัวบอดี้นั้นมี 3 สีให้เลือก ทั้ง สีดำ, สีเทา และสีแดง

ราคาขายของ Triumph Street Twin นั้นเคาะราคาขายออกมาที่ 395,000 บาท
#17

Triumph NEW SCRAMBLER 900 CHROME EDITION มีแนวทางที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการแต่งรถโมเดิร์นคลาสสิกรุ่นนี้ให้มีความโดดเด่นเเละน่าสนใจอีกรุ่นของไทรอัมพ์ในซีรีย์ Chrome Edition

Triumph NEW SCRAMBLER 900 CHROME EDITION มีความกว้างของแฮนด์รถอยู่ที่ 835 มิลลิเมตร ความสูงไม่รวมกระจกอยู่ที่ 1,180 มิลลิเมตร ความสูงที่นั่ง 790 มิลลิเมตร ระยะระหว่างล้อหน้ากับล้อหลังอยู่ที่ 1,445 มิลลิเมตร เรคอยู่ที่ 25.6 º ส่วนเทรลอยู่ที่ 109 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงมีขนาดความจุ 12 ลิตร เเละมีน้ำหนักรวมสุทธิที่ 223 กิโลกรัม อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 4.3 ลิตร/100 กิโลเมตร

Triumph NEW SCRAMBLER 900 CHROME EDITION มาพร้อมกับเครื่องยนต์ในเเบบสูบคู่ขนานแบบ SOHC 8 วาล์วระบายความร้อนด้วยของเหลว องศาจุดระเบิดเยื้องกัน 270 องศา ที่มีขุมพลังขนาด 900 ซีซี กระบอกสูบขนาด 84.6 มิลลิเมตร ส่วนระยะชักอยู่ที่ 80 มิลลิเมตร ส่วนอัตราส่วนการบีบอัดอยู่ที่ 11.0:1 สามารถให้กำลังที่ 64.1 เเรงม้าที่ 7,250 รอบต่อนาที โดยมีเเรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 80 นิวตันเมตรที่ 3,250 รอบต่อนาที โดยมีระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงหลายจุดเป็นลำดับ ส่วนระบบท่อไอเสียเป็นเเบบท่อไอเสียคู่ยกสูงเข้า 2 ออก 2 ผิวปัดเงา พร้อมท่อเก็บเสียง ทางด้านของไฟนอลไดรฟ์จะเป็นเเบบระบบโซ่โอริง โดยมันทำงานร่วมกับระบบครัตช์เปียกผ่อนแรงแบบหลายแผ่น ทางด้านระบบเกียร์จะเป็นเเบบ 5 สปีด

เฟรมของ Triumph NEW SCRAMBLER 900 CHROME EDITION จะเป็นเเบบโครงเหล็กคู่  ส่วนสวิงอาร์มเป็นเเบบสวิงอาร์มโครงเหล็กแขนคู่ โดยที่ล้อหน้าเป็นเเบบล้อซี่ลวด ขนาด 19 x 2.5 นิ้ว ในขณะที่ล้อหลังเป็นเเบบล้อซี่ลวด ขนาด 17 x 4.25 นิ้ ส่วนยางหน้าเป็นเเบบ ยาง Metzeler Tourance ขนาด 100/90-19 ยางหลังเป็นเเบบยาง Metzeler Tourance ขนาด 150/70 R1 โดยที่มีระบบกันสะเทือนหน้าเป็นเเบบ โช้คหน้าขนาด 41 มิลลิเมตร พร้อม Damping cartridge ระยะยุบตัว 120 มิลลิเมตร ส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นเเบบ โช้คหลังคู่ พร้อมตัวปรับพรีโหลด ระยะยุบตัวล้อหลัง 120 มิลลิเมตร โดยที่ระบบเบรกนั้นเบรกหน้าจะเป็นเเบบจานเบรกเดี่ยวแบบลอยตัวขนาด 310 มิลลิเมตร  พร้อมคาลิปเปอร์แบบสี่สูบจาก Brembo และระบบ ABS ส่วนเบรกหลังเป็นเเบบจานเบรกเดี่ยวขนาด 255มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์แบบสองลูกสูบจาก Nissin และระบบ ABS โดยมีแผงหน้าปัด LCD แบบมัลติฟังก์ชั่นพร้อมมาตรวัดความเร็วแบบอนาล็อก ส่วนโคมไฟหน้าทรงกลมดวงใหญ่ 1 ดวง พร้อมไฟเลี้ยว เบาะนั่งยาวจำนวน 2 ที่นั่ง ตัวบอดี้มีสีเขียวสีเดียว ส่วนตัวถังชุปโครเมียมสวยงามลงตัวมาก

ราคาขายของ Triumph NEW SCRAMBLER 900 CHROME EDITION  อยู่ที่เรท 484,000 บาท เเละมีการวางจำหน่ายเพียง 1 ปีเท่านั้น
#18

Triumph Bonneville Bobber Black เป็นรถจักรยานยนต์อีกรุ่นของไทรอัมพ์ที่ผสมผสานลักษณะเด่นทั้งหมดของ Bobber เข้ากับการตกแต่งรายละเอียดระดับพรีเมี่ยมและรูปลักษณ์ที่สืบทอดมาจากต้นแบบได้อย่างสวยงามลงตัว ส่วนเสริมของภาพลักษณ์ที่ดูมีสไตล์ ชวนให้หลงใหลยามได้สัมผัสกับความเร็วเเละเเรง

โครงสร้างตัวรถของ Triumph Bonneville Bobber Black นั้นน่าสนใจไม่น้อย โดยมีความกว้างของแฮนด์รถอยู่ที่ 760มิลลิเมตร ความสูงไม่รวมกระจกอยู่ที่ 1,025  มิลลิเมตร ความสูงที่นั่ง 690 มิลลิเมตร ระยะระหว่างล้อหน้ากับล้อหลังอยู่ที่ 1,510 มิลลิเมตร เรคอยู่ที่ 25.8 องศา ส่วนเทรลอยู่ที่ 87.9 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงมีขนาดความจุ 9 ลิตร เเละมีน้ำหนักรวมสุทธิที่ 237.5 กิโลกรัม อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 4.1 ลิตร/100 กิโลเมตร
สมรรถนะเครื่องยนต์ของ Triumph Bonneville Bobber Black ก็เเรงไม่เบาด้วยการมีเครื่องยนต์เเบบ ระบายความร้อนด้วยของเหลว, SOHC 8 วาล์ว, สูบคู่ขนาน องศาการจุดระเบิด 270 องศา โดยมีขุมพลังขนาดใหญ่ถึง 1,200 ซีซี กระบอกสูบขนาด 97.6 มิลลิเมตร ส่วนระยะชักอยู่ที่ 80 มิลลิเมตร ส่วนอัตราส่วนการบีบอัดอยู่ที่ 10.0:1 สามารถให้กำลังที่ 76 เเรงม้าที่ 6,100 รอบต่อนาที โดยมีเเรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 106 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที โดยมีระบบฉีดเชื้อเพลิงอิเล็กทรอนิกส์หลายจุดตามลำดับ ส่วนระบบท่อไอเสียเป็นเเบบท่อไอเสียสแตนเลสสองชั้นชุบโครมเมียมแบบ 2 ออก 2 พร้อมท่อเก็บเสียงสแตนเลสชุบโครมเมียม ทางด้านไฟนอลไดรฟ์ จะเป็นเเบบโซ่ โดยมันทำงานร่วมกับระบบคลัตช์แบบเปียก คลัตช์แบบหลายแผ่น ช่วยควบคุมแรงบิด ระบบเกียร์จะเป็นเเบบ 6 สปีด

เฟรมของ Triumph Bonneville Bobber Black จะเป็นเเบบท่อเหล็กทรงเปล ส่วนสวิงอาร์มเป็นสองด้าน เหล็กท่อ ส่วนล้อหน้าเป็นเเบบ 32 ซี่ 16 x 2.5 นิ้ว ในขณะที่ล้อหลังเป็นเเบบ 32 ซี่ 16 x 2.5 นิ้ว เช่นเดียวกัน  ส่วนยางหน้ามีขนาด MT 90 B16 ยางหลังมีขนาด 150/80 R16 โดยที่มีระบบกันสะเทือนหน้าเป็นเเบบ โช้ค Showa ขนาด 47 มิลลิเมตร พร้อมกระบอกผ่อนแรง ระยะยุบตัว 90 มิลลิเมตร ส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นเเบบ โมโนโช๊ค KYB พร้อมคันส่ง ระยะยุบตัว 77 มิลลิเมตร โดยที่ระบบเบรกนั้นเบรกหน้าจะเป็นเเบบจานคู่ 310 มิลลิเมตร คาลิปเปอร์ลอย Brembo 2 ลูกสูบ ABS ส่วนเบรกหลังเป็นเเบบ จานเดี่ยว 255 มิลลิเมตร คาลิปเปอร์ลอย Nissin ลูกสูบเดี่ยว ABS โดยมีแผงหน้าปัดมัลติฟังก์ชั่น LCD พร้อมมาตรวัดความเร็วแบบอนาล็อก มาตรวัดระยะทาง บ่งบอกตำแหน่งเกียร์ เกจน้ำมันเชื้อเพลิง ระบุระยะที่เดินทางได้ก่อนน้ำมันหมด บ่งชี้เวลาเข้ารับบริการ นาฬิกา บันทึกทริป 2 ค่า อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยและค่าปัจจุบัน แสดงสถานะระบบควบคุมการยึดเกาะถนน พร้อมรองรับปลอกมืออุ่นไฟฟ้า - ควบคุมโดยปุ่มเลื่อนบนแฮนด์บังคับเลี้ยว โคมไฟหน้าทรงกลมดวงใหญ่ 1 ดวง เพราะเบาะนั่งจำนวน 1 ที่ ตัวบอดี้มีสีดำสีเดียว ให้ความรู้สึกดุดันอย่างยิ่ง

สนราคาของ Triumph Bonneville Bobber Black เคาะออกมาอยู่ที่ เรทราคา 585,000 บาท
#19

Harley-Davidson PAN AMERICA 1250 SPECIAL ปี 2023 เป็นรถมอเตอร์ไซค์อเนกประสงค์สองล้อรุ่นบุกเบิกของฮาร์ลีย์-เดวิดสันที่สร้างขึ้นเพื่อความทนทาน ดีไซน์มาเพื่อการเดินทางสำรวจ ท่องเที่ยว และออกแบบทางวิศวกรรมมาเพื่อการผจญภัย

Harley-Davidson PAN AMERICA 1250 SPECIAL ปี 2023 มีโครงสร้างมิติความยาวตัวรถอยู่ที่ 2,270 มิลลิเมตร ส่วนทางด้านของระดับความสูงเบาะ ขณะไม่ได้บรรทุก อยู่ที่ 850-875 มิลลิเมตร ระยะใต้ท้องรถอยู่ที่ 210 มิลลิเมตร ส่วนระยะเยื้องของตะเกียบหน้าอยู่ที่ 25 ในขณะที่ส่วนท้ายมีขนาด 108 มิลลิเมตร ฐานล้อมีระยะ 1,585 มิลลิเมตร ยางล้อหน้าเป็นเเบบ 120/70R19 60V ส่วนยางล้อหลังเป็นเเบบ 170/60R17 72V โดยที่ยางจะแบบ เรเดียล Michelin Scorcher "Adventure" โดยมีความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 21.2 ลิตร ส่วนความจุน้ำมันเครื่องพร้อมไส้กรองอยู่ที่ 4.5 ลิตร ทำให้มีน้ำหนักขณะขนส่งอยู่ที่ 242 กิโลกรัมเเละมีน้ำหนักพร้อมขับขี่อยู่ที่ 258 กิโลกรัม

ส่วนในเรื่องของสมรรถนะเครื่องยนต์นั้น Harley-Davidson PAN AMERICA 1250 SPECIAL ปี 2023 มาพร้อมกับเครื่องยนต์รุ่น Revolution  Max 1250 ที่มีขุมพลังถึง 1,252 ซีซี มีความกว้างของกระบอกสูบ 105 มิลลิเมตร มีจังหวะขึ้นลงของลูกสูบที่ 72.3 มิลลิเมตร โดยมีอัตราส่วนการอัดที่ 13.0:1 มีระบบเชื้อเพลิงเป็นระบบช่องฉีดเชื้อเพลิงอิเล็กทรอนิกส์แบบต่อเนื่อง (ESPFI) เเละมีท่อไอเสียแบบ 2-ออก-1-ออก-1, เครื่องฟอกไอเสียในเฮดเดอร์ โดยแรงบิดเครื่องยนต์อยู่ที่ 128 Nm มีแรงบิดเครื่องยนต์ (รอบต่อนาที) อยู่ที่ 6750 ให้กำลังเเรงม้าที่ 105 HP / 112 kW @ 9000 rpm ส่วนมุมเลี้ยวขวาอยู่ที่ 42 องศา ส่วนมุมเลี้ยวซ้ายอยู่ที่ 42 องศา ส่วนวิธีทดสอบการประหยัดเชื้อเพลิงเป็นเเบบ EU 134/2014 ทำให้มีการประหยัดเชื้อเพลิงอยู่ที่ 5.5 ลิตร/100 กิโลเมตร โดยระบบขับเคลื่อนหลักเป็นเกียร์ 6 สปีด มีอัตราทดของโซ่ 49/89

Harley-Davidson PAN AMERICA 1250 SPECIAL ปี 2023 ได้รับการออกเเบบเฟรมมาให้มีความเเข็งเเรงด้วยเทคโนโลยีล่าสุดของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ที่ทำให้มีความเเข็งเเกร่งสูง โดยทางด้านแชสซีจะมี โช้คหน้าเป็นเเบบโช้คแบบหัวกลับ 47 มิลลิเมตร พร้อมระบบควบคุมการหน่วงกึ่งแอคทีฟปรับได้แบบอิเล็กทรอนิกส์ ทริปเปิลแคลมป์ชุดตะเกียบอะลูมิเนียม ส่วนโช้คหลังเป็นเเบบโช้คเดี่ยวแบบติดตั้งบนชุดโยงพร้อมระบบควบคุมพรีโหลดอิเล็กทรอนิกส์อัตโนมัติ และระบบหน่วงการบีบอัดแบบและการยุบตัวแบบกึ่งแอคทีฟ ล้อหน้าเเละล้อหลังเป็นเเบบวงล้ออะลูมิเนียม สีดำซาติน ส่วนคาลิเปอร์เบรกที่ล้อหน้าจะเป็นเเบบโช้คเดี่ยว คาลิปเปอร์ 4 สูบ ติดตั้งบนแกน ส่วนที่ล้อหลังจะเป็นเเบบลูกสูบลอยแบบเดี่ยวส่วนโคมไฟหน้าเป็นทรงเหลี่ยมสมัยใหม่ โดยจัดวางสองเเนว บนเเละล่าง โดยมีไฟหน้า LED Daymaker แบบปรับได้ พร้อมช่องไฟ LED แบบ 6 ส่วน, ไฟท้าย/ไฟหยุดแบบ LED พร้อมระบบไฟท้ายส่องสว่างที่เป็นเอกลักษณ์, สัญญาณไฟเลี้ยว LED ทรง Bullet ส่วนจอแสดงผล TFT ที่มีพื้นที่สำหรับดูขนาด 6.8 นิ้ว พร้อมมาตรวัดความเร็ว เกียร์ เครื่องวัดระยะทาง ระดับน้ำมัน นาฬิกา ระยะทาง อุณหภูมิโดยรอบ สัญญาณเตือนอุณหภูมิต่ำ สัญญาณเตือนเมื่อไม่ได้เก็บขาตั้งด้านข้าง สัญญาณเตือนรถเอียง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ บอกระยะและความเร็วรอบได้ จับคู่กับโทรศัพท์เพื่อเข้าถึงสายโทร เพลง การนำทาง (เฉพาะแอป H-D) เสริมด้วยระบบเบรกป้องกันล้อล็อค (ABS) เเละรบบความปลอดภัยอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีคอลเลกชันอุปกรณ์เสริมที่ดีไซน์มาเพื่อรองรับการออกทัวร์ผจญภัย ตัวบอดี้มีด้วยกัน 6 เฉดสีให้เลือกทั้งสีดำ vivid Black w / Cast Wheels, สีเทา Gray Haze w/ Cast Wheels, สีเหลือง-ขาว Industrial Yellow/White Sand w/ Cast Wheels, สีดำ vivid Black w / Laced Wheels, สีเทา Gray Haze w/ Laced Wheels เเละสีเหลือง-ขาว Industrial Yellow/White Sand w/ Laced Wheels       

  • สำหรับราคาขายของ Harley-Davidson PAN AMERICA 1250 SPECIAL ปี 2023 นั้น
  • หากเป็นรุ่นที่มีตัวถังสีดำ vivid Black w / Cast Wheels จะขายที่ราคา 1,120,000 บาท
  • ส่วนรุ่นที่ตัวถังสีเทา Gray Haze w/ Cast Wheels จะขายที่ราคา 1,224,000 บาท
  • ส่วนรุ่นที่ตัวถังสีเหลือง-ขาว Industrial Yellow/White Sand w/ Cast Wheels จะขายที่ราคา 1,126,000 บาท
  • รุ่นที่มีตัวถังสีดำ vivid Black w / Laced Wheels จะขายที่ราคา 2,246,000 บาท
  • ส่วนรุ่นที่มีตัวถังสีเทา Gray Haze w/ Laced Wheels จะขายที่เรท 2,250,000 บาท
  • เเละรุ่นตัวถังสีเหลือง-ขาว Industrial Yellow/White Sand w/ Laced Wheels มีราคาขายที่ 2,252,000 บาท 
   
#20

BMW R 18 100 Year ถือว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ชวนให้หลงใหลจากรูBMW R 18 100 Year  ถือว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ชวนให้หลงใหลจากรูปลักษณ์เเละสมรรถนะที่ร้อนเเรงรวมไปถึงความพิเศษที่ผลิตออกมาในคราวฉลองครอบ 100 ปี ของรถรุ่นนี้ ทั้งยังผลิตออกมาอย่างจำกัดอีกด้วย นับว่าเป็นอีกรุ่นที่เเรร์

โครงสร้างมิติตัวรถของ BMW R 18 100 Year ถือว่าได้รับการออกเเบบมาอย่างลงตัวอีกรุ่นด้วยความยาว 2,440 มิลลิเมตร ความสูงเหนือกระจก 1,232 มิลลิเมตร ความกว้างเหนือก้านมือจับ 964 มิลลิเมตร ส่วนระดับความสูงของที่นั่งเมื่อมีน้ำหนักด้านข้างตัวรถอยู่ที่ 690 มิลลิเมตร ค่าความกว้างของช่วงขาเมื่อมีน้ำหนักด้านข้างตัวรถอยู่ที่ 1,630 มิลลิเมตร ความจุถังน้ำมัน 16 ลิตร ปริมาณน้ำมันสำรองประมาณ 4 ลิตร น้ำหนักรวมบรรทุกสูงสุดอยู่ที่ 560 กิโลกรัม ส่วนน้ำหนักรวมบรรทุกอยู่ที่ 345 กิโลกรัม

สมรรถนะเครื่องยนต์ของ BMW R 18 100 Year ถือว่าร้อนเเรงเป็นอย่างยิ่ง ด้วยการพกพาเครื่องยนต์เเบบ Air/oil cooled two-cylinder four-stroke boxer engine with two chain-driven camshafts above the drive shaft  ที่มีรู x ช่วงชัก อยู่ที่ 107.1 มิลลิเมตร X 100 มิลลิเมตร ความจุเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ถึง 1,802 ซีซี ให้กำลัง 91 แรงม้า ที่ 4,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 158 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบต่อนาที ส่วนอัตรากำลังอัดอยู่ที่ 9.6:1 มีการเตรียมเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Electronic manifold injection / digital engine management: BMS-O with E-gas ส่วนการควบคุมการปล่อยไอเสียเป็นเเบบ Regulated three-way catalytic converter สามารถทำความเร็วสูงสุดได้เกิน 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง เเละมีอัตราการบริโภคน้ำมันอยู่ที่ 5.6 ลิตร ต่อ 100 กิโลเมตร โดยประเภทน้ำมันที่ใช้จะเป็นเเบบ Unleaded super (max. 15% Ethanal, E15) RON 95 90 AKI ส่วนไดชาร์จเป็นแบบ Permanent magnet generator 600 W (nominal capacity) เเละแบตเตอรี่เป็นเเบบ 12 โวลต์ / 26 แอมแปร์-ชั่วโมง ไม่ต้องบำรุงรักษา ระบบคลัทช์เป็นคลัตช์แบบแห้งแผ่นเดียว มีเกียร์เเบบ Claw-shifted 6-gear transmission in separate gearbox housing พร้อมระบบขับเคลื่อนเเบบ Shaft drive

ในส่วนของเฟรมนั้น BMW R 18 100 Year ได้รับการออกเเบบใหม่มาเป็นอย่างดีด้วยเฟรมเเบบ Half-duplex cragle frame with bolt on lower frame rails โดยที่มีระบบกันสะเทือนหน้าเป็นเเบบ Telescopic fork ส่วนระบบกันสะเทือนล้อหลังเป็นเเบบ Steel dual swingarm with central spring strut โดยที่ระยะระหว่างล้อหน้าและล้อหลังอยู่ที่ 120 มิลลิเมตร / 90 มิลลิเมตร ระยะฐานล้ออยู่ที่ 1,731 มิลลิเมตร มุมแคสเตอร์อยู่ที่ 150  มิลลิเมตร มุมแฮนด์รถอยู่ที่ 57.3 องศา โดยล้อเป็นเเบบ Spoke wheel โดยขนาดล้อหน้าอยู่ที่ 3.50" x 19" ขนาดล้อหลังอยู่ที่ 5.00" x 16" โดยที่ขนาดยางล้อหน้าอยู่ที่ 120/70 R 19 ส่วนขนาดยางล้อหลังอยู่ที่ 180/65 B 16 ระบบเบรคล้อหน้าเป็นเเบบ Dual disc brake, diameter 300 mm, 4-piston radial calipers ส่วนระบบเบรคล้อหลังเป็นเเบบ Single disc brake, diameter 300 mm, 4-piston radial calipers พร้อมระบบ  ABS ของ BMW Motorrad Integral ABS (part-integral) โคมไฟหน้าทรงกลมดวงเดียวเเบบคลาสสิคพร้อมเทคโนโลยีไฟ LED ที่ทันสมัยและไฟเลี้ยว LED ส่วนหน้าปัดเป็นแบบหน้าปัดการแสดงผลความเร็วแบบวงกลมสุดคลาสสิก ตัวบอดี้มีสีเดียวเป็นสีพิเศษอย่างสี Classic chrome

สนราคาของ BMW R 18 100 Year นั้นเคาะราคาเริ่มต้นออกมาที่ 1,099,000 บาท เ
เละผลิตออกมาในจำนวนจำกัดอีกด้วย